บทบาทของดวงอาทิตย์ต่อสิ่งมีชีวิต
นับตั้งแต่ปฏิกิริยาอุณหนิวเคลียร์
(thermonuclear
reaction) ในใจกลางดวงอาทิตย์
แผ่พลังงานออกมาในรูปของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและพลังงานที่สะสมภายในอนุภาค
ใช้เวลาเดินทางนับหมื่นนับแสนปีจนกระทั่งถึงผิวดวงอาทิตย์ และต่อด้วยการเดินทาง 8 นาทีมายังโลกของเรา ในรูปของแสงที่มองเห็น รังสีแกมมา รังสีเอกซ์
และรังสีอื่น ๆ ต้องขอบคุณชั้นบรรยากาศโลกที่ได้กรองเอาสิ่งที่เป็นอันตรายเหล่านี้ออกไป
ไม่นานนักพลังงานก็ถึงยังพื้นโลก ทั้งให้ความอบอุ่นน่าอยู่ในเขตหนาว
หรือแม้แต่ให้ความรู้สึกรำคาญในเขตร้อน
ทว่าพลังงานจากดวงอาทิตย์ก็ได้ถูกดูดซับเข้าไปในพืชและโพรทิสต์
จากนั้นพืชก็สามารถตรึงเอาคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากอากาศได้เป็นน้ำตาล
ผ่านกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง
น้ำตาลที่ได้นั้นพืชก็จะนำไปแปรรูปเป็นทั้งผนังเซลล์ เยื่อหุ้มเซลล์
ออแกเนลล์ภายในเซลล์ ฯลฯ นอกเหนือจากธาตุอาหารที่ดูดขึ้นมาจากดิน
เมื่อพืชเป็นผู้ผลิต (ที่แท้จริงคือผู้แปรรูป) อาหารจากพลังงานแสงอาทิตย์
ก็ทำให้สัตว์มีอาหารจากส่วนต่าง ๆ ของพืช ในการสลายอาหารของสัตว์
สิ่งสำคัญที่สุดนอกจากอาหารที่ได้รับแล้วก็คือออกซิเจน
ซึ่งเป็นของเสียในกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง
เพื่อไปรับอิเล็กตรอนตัวสุดท้ายในกระบวนการสลายสารอาหารระดับเซลล์
ขณะเดียวกันสัตว์ก็หายใจเอาแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งเป็นสารพลังงานต่ำออกมา
เพื่อที่พืชจะได้ตรึงอีกครั้งเป็นวัฏจักร
อิทธิพลของดวงอาทิตย์ต่อโลก ดวงอาทิตย์เป็นกลุ่มก้อนก๊าซมีอุณหภูมิสูงมากโดยที่พื้นผิวของดวงอาทิตย์มีอุณหภูมิสูงถึง
6,000
C ถึง- 20,000,000 C บริเวณใจกลางดวงอาทิตย์มีอุณหภูมิสูงถึง16,000,000
C จึงนับได้ว่าดวงอาทิตย์
เป็นแหล่งพลังงานที่ยิ่งใหญ่โลกอยู่ใต้อิทธิพลของแรงโน้มถ่วงของดวงอาทิตย์พลังงานเกือบทั้งหมดบนโลก
จะได้มาจากดวงอาทิตย์ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม
ดวงอาทิตย์เป็นกลุ่มก้อนก๊าซที่มีอุณหภูมิสูงมากมีลักษณะเป็นทรงกลม ส่งพลังงานและอนุภาคต่าง
ๆ ออกไปรอบตัวโดยการ แผ่รังสีตลอดเวลา
จัดเป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญที่สุดในระบบสุริยะ ผลจากการศึกษา
ซากของสิ่งมีชีวิตหรือที่เรียกว่า ฟอสซิล(fossil)
พบว่าดวงอาทิตย์ได้แผ่รังสีมายังโลกเป็นเวลานาน
ประมาณหนึ่งพันล้านปีมาแล้วสิ่งมีชีวิตบนโลกพวกพืชและสัตว์เป็นผู้นำพลังงานจากดวงอาทิตย์มาใช้ประโยชน์
และยังมีพลังงานในรูปของลมและคลื่นรวมกันแล้ว
พลังงานที่โลกได้รับจากดวงอาทิตย์มี
2 ประเภทคือ
1. พลังงานที่มีผลต่อโลกทันทีเป็นพวกคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
เมื่อผ่านบรรยากาศของโลกลงมาจะเกิดผลทันทีประกอบด้วยพลังงาน ความร้อนและแสงสว่างเป็นส่วนใหญ่รวมทั้งคลื่นวิทยุ
มีรังสีอัลตราไวโอเลต เพียงเล็กน้อยที่ผ่านบรรยากาศลงมาได้
เพราะส่วนใหญ่จะถูกดูดกลืนโดย โอโซนในบรรยากาศ
2. พลังงานที่มีผลต่อโลกภายหลังเป็นพวกอนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าต่าง ๆ
จากดวงอาทิตย์ซึ่งไม่สามารถผ่านชั้นบรรยากาศมาถึง ผิวโลกได้ ได้แก่
อนุภาครังสีคอสมิคซึ่งเป็นอนุภาคโปรตอนและลมสุริยะซึ่งเป็น
อนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าบวกที่มีความเร็วต่ำและอิเล็คตรอน
อนุภาคเหล่านี้จะเดินทางมาถึงโลกหลังจากเกิด การลุกจ้าบนดวงอาทิตย์แล้วประมาณ 20-40
ชั่วโมง จะไปรบกวนสนามแม่เหล็กโลกทำให้เกิดพายุแม่เหล็กซึ่งมีผลต่อระบบสื่อสารทางวิทยุบนโลกเท่านั้น
จึงนับได้ว่าดวงอาทิตย์
เป็นแหล่งพลังงานที่ยิ่งใหญ่โลกอยู่ใต้อิทธิพลของแรงโน้มถ่วงของดวงอาทิตย์พลังงานเกือบทั้งหมดบนโลก
จะได้มาจากดวงอาทิตย์ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม ดวงอาทิตย์เป็นกลุ่มก้อนก๊าซที่มีอุณหภูมิสูงมากมีลักษณะเป็นทรงกลม
ส่งพลังงานและอนุภาคต่าง ๆ ออกไปรอบตัวโดยการ แผ่รังสีตลอดเวลา
จัดเป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญที่สุดในระบบสุริยะ ผลจากการศึกษา
ซากของสิ่งมีชีวิตหรือที่เรียกว่า ฟอสซิล(fossil)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น